สุขภาพดีมีสุข

Title of the document สุขภาพดีมีสุข GoodHealth

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563

9 วิธีกิดีเพื่อสุขภาพ

9 วิธีกินดีเพื่อสุขภาพ

1.  กินอาหารครบ 5 หมู่  แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว
    น้ำหนักตัวเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ  ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม  จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม  มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไปและมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่  หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ  แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว ควรจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง  โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบาย หรือหากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ  ก็ควรต้องให้ความสนใจพร้อมทั้งสังเกตว่ามีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม หรืออาการที่แตกต่างไปจากปกติเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ  สำหรับเด็ก ร่างกายมีการเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่เหมาะสม  ดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง

2.  กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ
     ถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว ส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ  อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่าน-การแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว

3.  กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ
     อาหารหลัก 5 หมู่  ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผัก และผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่ เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์   ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์  ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย 

4. กินปลา  เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน  ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ
    ►เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน  โดยเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ  สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำ เด็กควรกินวันละฟอง  ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง

5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
    นมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์  เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่กินง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จีงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารสำหรับคนทุกวัย ในกรณีที่ห่วงว่าดื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมันในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่น่าที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน╭ ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว   ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว

6.  กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร
     ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน  ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้  แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม  ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้ และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร

7.  หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด
    ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด  ได้แก่  น้ำตาล และเกลือแกง  ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดเมื่อบริโภคมากเกินไป พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
         วิธีปฏิบัตินอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัดแล้ว  ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดา ไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย

8.  กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน                                                                                                     การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม  อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด มีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิต

9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
    เมื่อดื่มมาก จะมีผลทำให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง  ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย  ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด ดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด 

5 เทคโนโลยีุดล้ำของคออกกำลังกาย

5 เทคโนโลยีสุดล้ำของคนออกกำลังกาย
ทุกวันนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง หลายคนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น บางคนก็ไปออกกำลังกาย ไปวิ่ง เข้าฟิตเนส และบางคนเป็นนักกีฬาอยู่เเล้ว แต่จะรู้ไหมว่าสมัยนี้ มันมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ และควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เอาใจชาวไอทีและคนที่รักการออกกำลังกาย ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่รักการออกกำลังกาย งั้นคุณก็ไม่ควรพลาดกับ 5 เทคโนโลยีสุดล้ำที่เหมาะสำหรับคนรักการออกกำลังกาย

1.Reebok Checkight



Reebok Checkight เทคโนโลยีตรวจสอบการกระแทกของนักกีฬาที่ต้อง มีการปะทะกัน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บระหว่างการแข่งขัน Reebok Checkight เป็นอุปกรณ์สวมศีรษะที่ติดตั้งเซนเซอร์เอาไว้ โดยมันจะวัดความแรงและจำนวนครั้งที่เกิดการปะทะที่ศีรษะของผู้เล่นตลอดทั้งการแข่งขันเอาไว้ การถูกกระเเทกของศีรษะ จะมี 3 สัญญาณ สัญญาณสีเขียวหมายความว่าปกติ ถ้าเป็นสีเหลืองหมายถึงรุนแรงปานกลาง ถ้าเป็นสีแดงหมายถึงรุนแรงสูง ประโยชน์ของมัน ก็คือทำให้นักกีฬารู้ตัวว่าการเข้าปะทะนั้นทำให้เกิดอันตรายแค่ไหน

2. LG Lifeband Touch


เป็นสายรัดข้อมือสำหรับออกกำลังกาย โดยมีหน้าจอ OLED ทัชสกรีนที่สามารถบอกเวลา ข้อมูลด้านต่างๆเกี่ยวกับร่างกายของเรา การเต้นของหัวใจ การเผาผลาญ Calories ภายในของ Lifeband Touch มีอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของเราได้และยังช่วยตรวจสอบระยะทาง ความเร็ว ในการวิ่งหรือเดิน นับจำนวนก้าวที่เราเดินได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ชอบออกกำลังด้วยการ วิ่ง เดิน หรือชนิดกีฬาที่วิ่งเป็นหลัก อุปกรณ์ตัวนี้ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบ Android และ iOS ผ่าน Bluetooth เพื่อแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ

3. Kinesiology Tape


Kinesiology Tape เรียกอีกอย่างว่า เทปบำบัด หรือ เทปคิเนซิโอ ประโยชน์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กับนักกีฬาได้ทุกชนิดครับ ผมเรียกมันว่าเทปสารพัดประโยชน์นักกีฬาทั้งไทยและระดับโลกก็ใช้ ผลิตมาเพื่อกล้ามเนื้อของคน โดยออกแบบให้มีผิวสัมผัสเหมือนผิวหนังของมนุษย์มากที่สุด ทำให้ร่างกายยังคงเคลื่อนไหวได้ตามปกติ แต่สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ซึ่งเทปบำบัดนี้สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่นักกีฬาจะนิยมนำมาแปะที่กล้ามเนื้อแขน ขา ไหล่ และหลัง

4. The Polo Tech Shirt




เป็นเสื้อที่ออกแบบให้กับนักกีฬาและนักออกกำลังกายโดยเฉพาะ เสื้อ Polo Tech Shirt มีตัวเซนเซอร์จะถูกทอไปร่วมกับเนื้อผ้า โดยเซนเซอร์จะทำงานร่วมกับกล่อง ที่เป็นตัวรับข้อมูลต่างๆ ก่อนส่งไปยังสมาร์ทโฟนของผู้ใช้และอัพโหลดขึ้นไปบนคลาวด์ ใช้ได้เฉพาะบนแพลตฟอร์ม iOS เท่านั้น เข้าไปนั้นจะทำการเก็บข้อมูล ทางชีวภาพของผู้สวมใส่เสื้อตัวนี้มาวิเคราะห์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สามารถตรวจดูข้อมูล calories ที่เผาผลานออกไปขณะสวมเสื้อ Polo Tech Shirt ตัวนี้หรือข้อมูลการ ความเครียด, พลังงานที่เสียไป เคลื่อนไหวต่างๆขณะออกกำลังกาย

5.Climachill


เสื้อของยี่ห้อ อาดิดาส เป็นชุดออกกำลังกายระบายความร้อน ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยความสะดวกสบายในระหว่างการออกกำลังกายทักรูปแบบในอากาศร้อน รวมถึงความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการใช้งาน ช่วยเรื่องกลิ่นกาย พร้อมเสริมสร้างความสบายให้แก่นักกีฬาอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้พวกเขาไปถึงสมรรถภาพสูงสุดแม้ในสภาพอากาศที่ร้อนระอุ โดยไม่ต้องรู้สึกพะวงไปกับเสื้อที่เปียก หนัก และแนบตัวตลอดการฝึกซ้อมชุดออกกำลังกายคอลเลคชั่นนี้ประกอบด้วยเม็ดอลูมิเนียมทรงกลมนูนเพื่อให้ความเย็นกระจายอยู่บริเวณส่วนหลังและคอ จะมี 2 รูปแบบ ที่สำหรับผู้ชายและผู้หญิง ช่วยเพิ่มความเย็น 36% 

นวัตกรรมสุขภาพ

นวัตกรรมสุขภาพ

ชื่อกันว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวมากขึ้น ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าสมมุติฐานนี้เป็นจริง ปี 2017 ก็มีนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของมนุษย์ ทั้งอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ดีและง่ายใกล้เคียงคนปกติ และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นให้การรักษาโรคมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความคาดหวังที่ต้องมองไปข้างหน้าว่า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวมากขึ้นเรื่อยๆ


นี่คือ  5 นวัตกรรม เพื่อสุขภาพและการแพทย์ประจำปี 2017 ที่คัดเลือกโดยเว็บไซต์ Popscience


1. ขยายเต้านมด้วยตัวเอง

  

เมื่อผู้หญิงต้องทำการผ่าตัดเต้านม ตัวอย่างเช่นผ่าตัดมะเร็งเต้านม การเสริมเต้านมด้วยถุงน้ำเกลือต้องผ่านกระบวนการเจ็บปวดหลายขั้นตอนโดยศัลยแพทย์ ทั้งเข็มทั้งยาชา พบแพทย์หลายครั้ง เสี่ยงถุงรั่ว ควบคุมรูปทรงให้เหมือนธรรมชาติก็ยาก Aeroform tissue expander system คือตัวช่วยที่ทำให้ผู้ป่วยผ่านกระบวนการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ศัลยแพทย์เพียงผ่าตัดนำ Aeroform เข้าทรวงอกครั้งเดียว Aeroform จะเพิ่มลดขนาดด้วยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรล ค่อยๆ กดปุ่มเพื่อขยายก้อนซิลิโคนทีละนิด จนกว่าจะได้ขนาดและรูปทรงที่ต้องการ 

2. ตัดต่อพันธุกรรมป้องกันโรคร้าย

Clustered Random Interspaced Short Palindromic Repeat (CRISPR) คือเทคโนโลยีตัดต่อแก้ไขรหัสพันธุกรรมที่มีส่วนต่อการเกิดโรคร้ายหรือเรียงลำดับของ DNA ใหม่ โดย CRISPR เป็นเทคนิคที่มีมาก่อนหน้า และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสุขภาพและวิทยาศาสตร์โอเรกอน (Oregon Health and Science University) เป็นหน่วยงานแรกในสหรัฐที่พยายามเข้าไปแก้ไข DNA ในตัวอ่อนของมนุษย์ (human embryo) เพื่อตัดต่อพันธุกรรมที่ทำให้เกิดโรค เช่น การกลายพันธุ์ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ อย่างไรก็ตาม CRISPR ยังต้องผ่านการทดลองอีกมากก่อนจะนำมาทำการแก้ไขเซลล์ตัวอ่อนที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์จริงๆ

3. ปั๊มนมพกพา…ทำงานแสนเงียบ

นมแม่คือแหล่งสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก แน่นอน เรามีนวัตกรรมปั๊มนมสำหรับแม่ที่ไม่สามารถให้นมลูกได้อย่างสม่ำเสมอ แต่กับคุณแม่ที่ชีวิตยุ่งเหยิงกว่านั้น อย่าว่าแต่ให้นมลูก แค่หาเวลานั่งปั๊มนมยังยาก Willow คือปั๊มขนาดเล็กที่สามารถสอดไว้ในชุดชั้นใน และแทนที่จะเก็บใส่ขวดเหมือนวิธีเก่า นมจาก Willow จะถูกบรรจุอย่างดีในถุงพลาสติก ที่สำคัญคือปั๊มอัตโนมัตินี้ทำงานได้เงียบเชียบจนคุณแม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันทำงานได้อย่างสบายใจ



4. มือกลฝึกมือจริง

เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อาการสำคัญคือมือของพวกเขามักใช้การไม่ได้ Rapael Smart Glove คือตัวช่วยในการบริหารมือ เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นเกมฝึกการใช้มือหลายตัวในแอนดรอยด์ โดยปรับขั้นตอนให้เหมือนเกม เซนเซอร์ในถุงมือกลจะตามการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยในการฝึกการใช้มือทำกิจวัตรตามเกม เช่น บีบส้ม ขยับสิ่งของ รับลูกบอล ทาสี เป็นต้น หลังจากนั้นระบบจะแสดงผลพัฒนาการขององศาหรือการเคลื่อนไหวที่ทำได้ ทำให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะฝึกการเคลื่อนไหวมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยข้อมูลเหล่านี้เป็นฐาน


5. ช้อนที่กินไม่หก

การบาดเจ็บและป่วยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว เช่น กระดูกสันหลัง โรคฮันติงตัน ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการควบคุมมือที่ทำได้ยาก การกินอาหารจึงเป็นกิจกรรมที่ยากเย็นแสนเข็ญทำให้กินลำบาก นวัตกรรมช่วยการกิน Liftware Level คือช้อนที่มีระบบจับการเคลื่อนไหวของมือที่ไม่ว่าจะกลับด้าน พลิก หรือสั่น ช้อนจะคงทรงตัวปรับองศาอยู่ในแนวราบตลอดทำให้ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ด้วยตัวเอง ง่ายดาย และไม่หกเลอะเทอะ
.
.
.